zkSync 2.0 The Future of Privacy and Scale

ทุก ๆ คนที่ลงทุนกับคริปโตเคอร์เรนซีน่าจะรู้จัก Layer-2 Solutions เป็นอย่างดี โพสนี้ไม่เหมาะกับมือใหม่

Ethereum Layer-2 scaling solution ของ zkSync 2.0

ว่าด้วยการทำธุรกรรม (โอนเหรียญ) ที่ใช้เทคนิคที่เรียกว่า ZK proof บนเครือข่าย zkSync บล็อกเชนซูโลชั่น Layer-2 Ethereum

ตัวอย่างเช่น สมมติว่า Alice โอนเหรียญ 1 ETH ให้ Bob

และ Bob โอนเหรียญไปให้ Charlie จำนวน 1 ETH

ดังนั้นการตรวจสอบหลักฐานว่า Alice มี ETH น้อยกว่าเมื่อก่อนหรือไม่ (และยอดคงเหลือของ Bob ไม่เปลี่ยนแปลง) และ Charlie มี 1 ETH ยอดคงเหลือเพิ่มจากเดิม

เทคนิคนี้จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของคนกลาง คือ เนื่องจากหลักฐาน Zero-Knowledge (ZK) proof ไม่ทราบว่า Alice โอนเงินให้ Charlie โดยตรงหรือไม่

หรือว่า Alice โอนเงินไปให้กับ Bob ซึ่งเป็นคนโอนจริงให้กับ Charlie หรือคนกลางที่โอนเงินผ่านร่วมกัน ดังนั้น end-point จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดคือ still known (เป็นที่รู้จัก ความรู้เป็นศูนย์)

ดังนั้น Zero-Knowledge (ZK) proof จึงเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ โดยไม่จำเป็นต้องทราบเนื้อหาของข้อมูลนั้น ๆ ซึ่งในท้ายที่สุด

จะทำให้ แต่ละคนสามารถเคลมความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยที่ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานเองจะยังไม่หายไปไหน ครับ

Matter Labs ได้พัฒนาบล็อกเชนซอฟต์แวร์ zkPorter (หรือเรียกว่า zkSync 2.0)

จุดเด่นของ  zkSync ที่ใช้ zk-Rollup คือการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำธุรกรรมนอกบล็อกเชน off-chain transaction (data availabilty)

เนื่องจาก zk-Rollup เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มจำนวนธุรกรรมที่ประมวลผลได้ในหนึ่งวินาที ด้วยการมัดรวมธุรกรรมหลาย ๆ อันไว้ด้วยกัน (bundle)

แล้วทำการตรวจสอบ (validate) ครั้งเดียว ทำให้ความเร็วในการประมวลผลเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ปัญหาเรื่อง Data Unavailability เป็นประเด็นที่จะเจอได้บ่อย ๆ ในบล็อกเชนที่ใช้เทคโนโลยี ZK-Rollup เนื่องจาก ZK-Rollup เป็นการ submit หลักฐานรายการธุรกรรมทั้งหมดที่อยู่ใน rollup แต่ก็ไม่ได้บอกถึงรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงของจำนวนโทเคนต่าง ๆ ใน wallet address

zkSync ทำงานเป็นแบบ hybrid ระหว่างเทคโนโลยี Validium และ ZK rollup โดยในบล็อกเซน zkSync ที่อัพเดตเป็น zkSync 2.0 โดยเน้นความเข้าถึงได้ (availability) ของข้อมูลบนบล็อกเชน ช่วยให้การทำธุรกรรมถูกลง (fees แทบจะ 0) ได้ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ความยืดหยุ่น

และ zkSync L2 state จะแบ่งออกเป็น 2 sides คือ

1. zkRollup บน On-chain (data availabilty)

2. และ zkPorter (off-chain data availability)

โดยที่ทั้งสองส่วน contracts และ accounts จะประกอบร่างและทำงานร่วมกันบน zkRollup side และผู้ใช้สามารถเปิด Vault บน Wallet ที่รองรับใช้ความปลอดภัยระดับ L1 Ethereum mainnet ได้ (หากต้องการ)

off-chain data สิ่งที่จะพิสูจน์ได้ก็คือ การทำ “recursive proof ” Buterin ก็เชื่อแนวทางนี้ (การตรวจสอบการพิสูจน์)

เป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่าย ที่ไม่ต้องมอบหมายข้อมูลผู้ใช้ให้กับบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้ (3rd-parties)

มาถึงตรงนี้จะเข้าใจว่าทำไหมโลกความจริงยังต้องการออดิทหรือบริษัทตรวจสอบบัญชีอย่าง BIG4 Audit Firm (PwC, EY, KPMG และ Deloitte)

ก็นั้นแหละครับ “recursive proof ”

และเร็ว ๆ นี้ zkSync 1.0 จะมีการอัปเกรดครั้งใหญ่ ชื่อ zkSync 2.0 ให้ใช้งานจริง และ DEX ที่ deploy ปรับใช้บน zkSync 2.0 แล้วก็เช่น Uniswap V2, ZigZag Exchange เป็นต้น

สุดท้าย จะพาไปส่องดูสมาชิก zkSync Security Council (คณะมนตรีความมั่นคง ชั่วคราว)

อาทิเช่น Aave, Mike M (Balancer), Itamar Lesuisse (Argent wallet), Michael E (Curve), Sergej K (1inch), Lasse C (1kx) ฯลฯ

หลัง opt-in upgrade mechanism กลไกดังกล่าวจะไม่จำเป็นอีกต่อไปครับ

 “Users will feel safe when interacting with zkSync”

source: https://blog.matter-labs.io/zksync-2-0-hello-ethereum-ca48588de179

Scroll to top